ความรู้เบื้องต้น (มือใหม่ทุกคนโปรดอ่าน)
Bittorrent
เป็นโปรแกรมที่ใช้งานลักษณะ P2P (peer to peer) อธิบายให้ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ เครือข่ายแลกเปลี่ยนไฟล์ของกลุ่มผู้ใช้งาน นั่นหมายถึงไม่มีไฟล์ใดเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์เลย เพียงแต่เว็บหรือ Tracker จะเป็นตัวกลางที่ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนรู้จักและมองเห็นกันและรู้ว่าถ้าต้องการไฟล์นั้นๆ จะโหลดได้จากผู้ใช้คนใดบ้าง
Tracker
หมายถึง เว็บที่เป็นกลไกในการให้บริการ Bittorrent อธิบายให้เห็นภาพคือ ระบบที่โยงเอาผู้ใช้แต่ละคนมาไว้ในเครือข่ายเดียวกัน และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ต้องการจะเผยแพร่ไฟล์ สามารถประกาศให้ผู้ใช้รายอื่นทราบและเข้าถึงไฟล์นั้นได้
Seed
โดยปกติในเครือข่าย Bittorrent เราจะเรียกผู้ใช้ที่นำไฟล์มาปล่อย (Seed) ให้ผู้ใช้อื่นดาวน์โหลดว่า Seeder แต่ไม่ใช่ว่าเฉพาะผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของไฟล์นั้นเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เป็น Seeder แต่ยังรวมไปถึงผู้ใช้ที่โหลดเสร็จก็สามารถช่วยเจ้าของไฟล์ seed ด้วยก็ได้ ดังนั้นเมื่อมีคนบอกว่า "เสร็จแล้วช่วย seed หน่อยนะ" จึงหมายความว่า ถ้าคุณโหลดไฟล์ที่เค้่าปล่อยให้เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งปิดเครื่องหนีไปไหน ให้เปิดต่อไปเพื่อช่วยกันปล่อยไฟล์ให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ก่อน ถือเป็นมารยาทที่ดีในการใช้งาน
Leech
เมื่อ Seeder หมายถึงคนปล่อยไฟล์ให้โหลด Leecher ก็ย่อมหมายถึงคนที่เข้ามาโหลดไฟล์นั้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่โหลดท่าเดียว เพราะระหว่างที่ทำการดูด (Leech) หรือโหลดอยู่นั้น Leecher ก็จะปล่อยไฟล์ส่วนที่ตัวเองมีให้ผู้ใช้คนอื่น นอกจากนั้นยังรับไฟล์ในส่วนที่ตัวเองไม่มีจากผู้ใช้คนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่หมายความว่าการโหลดแลกเปลี่ยนไฟล์กันบนเครือข่าย BitTorrent ไม่ใช่การโหลดจาก Seed แต่อย่างเดียว แต่ยังเป็นการแบ่งส่วนที่ตัวเองมีให้คนอื่นภายในวง โดยมี Seeder เป็นหลักนั่นเอง
Peer
หมายถึง จำนวน Seeder + Leecher หรือจะพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ ขนาดของวงแลกเปลี่ยนไฟล์นั้นๆ
Ratio
เรโช คือ ค่า Upload ทั้งหมด หารด้วย ค่า Download ทั้งหมดที่คุณทำผ่าน Tracker ใด Tracker หนึ่ง โดยทั่วไปควรรักษาระดับเรโชให้สูงกว่า 1.0 (ตามแต่กฎของแต่ละที่) เพราะมันหมายถึงคุณอัพโหลดให้คนอื่นในปริมาณที่พอๆ กับที่คุณดาวน์โหลดไปจากเครือข่าย ไม่ได้เอาเปรียบใคร แต่เรโชยิ่งมากก็ยิ่งดีเพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจของคุณ ถ้าเรโชต่ำเกินไปคนในเครือข่ายจะดูถูกเหยียดหยามหรือถูก admin สั่งแบน ทำให้ใช้ Tracker นั้นไม่ได้ระยะหนึ่งหรือตลอดไป
การโหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย Bittorrent แตกต่างกับการดาวน์โหลดปกติอย่างไร
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการโหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย BitTorrent นั้น ไม่เหมือนกับการดาวน์โหลดไฟล์ทั่วไป เพราะมันคือการแบ่งปันกัน ไม่ใช่มาดูดเสร็จแล้วก็จากไป แต่ควรอยู่เพื่อช่วยกัน seed ไฟล์นั้นๆ เพื่อเพิ่มความเร็วให้วงดาวน์โหลด
ความเร็วในการดาวน์โหลดบนเครือข่าย BitTorrent ขึ้นอยู่้กับอะไร
ความเร็วในการโหลดบนเครือข่ายนี้ประกอบจากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณของ peer ในวงโหลดไฟล์นั้นๆ (โดยมี seeder เป็นตัวแปรสำคัญ ยิ่ง seeder มากเท่าไหร่ยิ่งดี) ปริมาณแบนด์วิธที่ peer แต่ละคนปล่อย ปริมาณไฟล์ที่ผู้ใช้กำลังโหลด ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยและตัวแปรที่ส่งผลถึงความเร็วในการดาวน์โหลดทั้งสิ้น
โหลดเสร็จแล้วปิดโปรแกรมเลยหรือไม่
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเครือข่าย BitTorrent คือการแบ่งปัน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณโหลดเสร็จแล้วก็ควรอยู่แบ่งไฟล์นั้นๆ ให้คนต่อๆ ไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรปิดโปรแกรมในทันทีที่โหลดเสร็จ และกด seed ต่อทุกครั้งที่เปิดโปรแกรมใหม่ จนคุณแน่ใจว่าควรแก่เหตุแล้ว ก็อาจจะหยุด seed ไฟล์นั้น เพื่อเปลี่ยนไป seed ไฟล์ใหม่ๆ บ้าง
ถ้าจะเล่น bit นะครับ ต้องทำให้เป็นปกติเลย ต่อเน็ตเมื่อไรก็เปิด BitComet และเริ่มงานทิ้งเอาไว้ เพราะการเพิ่มค่าอัพโหลด มันยากกว่าการดาวน์โหลดครับ
ศึกษาวิธีใช้โปรแกรม BitComet อย่างละเอียดได้ที่
http://www.pantip.com/tech/internet/topic/IU1891224/IU1891224.html
cradit: tepteptep
เป็นโปรแกรมที่ใช้งานลักษณะ P2P (peer to peer) อธิบายให้ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ เครือข่ายแลกเปลี่ยนไฟล์ของกลุ่มผู้ใช้งาน นั่นหมายถึงไม่มีไฟล์ใดเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์เลย เพียงแต่เว็บหรือ Tracker จะเป็นตัวกลางที่ทำให้ผู้ใช้แต่ละคนรู้จักและมองเห็นกันและรู้ว่าถ้าต้องการไฟล์นั้นๆ จะโหลดได้จากผู้ใช้คนใดบ้าง
Tracker
หมายถึง เว็บที่เป็นกลไกในการให้บริการ Bittorrent อธิบายให้เห็นภาพคือ ระบบที่โยงเอาผู้ใช้แต่ละคนมาไว้ในเครือข่ายเดียวกัน และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ต้องการจะเผยแพร่ไฟล์ สามารถประกาศให้ผู้ใช้รายอื่นทราบและเข้าถึงไฟล์นั้นได้
Seed
โดยปกติในเครือข่าย Bittorrent เราจะเรียกผู้ใช้ที่นำไฟล์มาปล่อย (Seed) ให้ผู้ใช้อื่นดาวน์โหลดว่า Seeder แต่ไม่ใช่ว่าเฉพาะผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของไฟล์นั้นเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เป็น Seeder แต่ยังรวมไปถึงผู้ใช้ที่โหลดเสร็จก็สามารถช่วยเจ้าของไฟล์ seed ด้วยก็ได้ ดังนั้นเมื่อมีคนบอกว่า "เสร็จแล้วช่วย seed หน่อยนะ" จึงหมายความว่า ถ้าคุณโหลดไฟล์ที่เค้่าปล่อยให้เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งปิดเครื่องหนีไปไหน ให้เปิดต่อไปเพื่อช่วยกันปล่อยไฟล์ให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ก่อน ถือเป็นมารยาทที่ดีในการใช้งาน
Leech
เมื่อ Seeder หมายถึงคนปล่อยไฟล์ให้โหลด Leecher ก็ย่อมหมายถึงคนที่เข้ามาโหลดไฟล์นั้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่โหลดท่าเดียว เพราะระหว่างที่ทำการดูด (Leech) หรือโหลดอยู่นั้น Leecher ก็จะปล่อยไฟล์ส่วนที่ตัวเองมีให้ผู้ใช้คนอื่น นอกจากนั้นยังรับไฟล์ในส่วนที่ตัวเองไม่มีจากผู้ใช้คนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่หมายความว่าการโหลดแลกเปลี่ยนไฟล์กันบนเครือข่าย BitTorrent ไม่ใช่การโหลดจาก Seed แต่อย่างเดียว แต่ยังเป็นการแบ่งส่วนที่ตัวเองมีให้คนอื่นภายในวง โดยมี Seeder เป็นหลักนั่นเอง
Peer
หมายถึง จำนวน Seeder + Leecher หรือจะพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ ขนาดของวงแลกเปลี่ยนไฟล์นั้นๆ
Ratio
เรโช คือ ค่า Upload ทั้งหมด หารด้วย ค่า Download ทั้งหมดที่คุณทำผ่าน Tracker ใด Tracker หนึ่ง โดยทั่วไปควรรักษาระดับเรโชให้สูงกว่า 1.0 (ตามแต่กฎของแต่ละที่) เพราะมันหมายถึงคุณอัพโหลดให้คนอื่นในปริมาณที่พอๆ กับที่คุณดาวน์โหลดไปจากเครือข่าย ไม่ได้เอาเปรียบใคร แต่เรโชยิ่งมากก็ยิ่งดีเพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจของคุณ ถ้าเรโชต่ำเกินไปคนในเครือข่ายจะดูถูกเหยียดหยามหรือถูก admin สั่งแบน ทำให้ใช้ Tracker นั้นไม่ได้ระยะหนึ่งหรือตลอดไป
การโหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย Bittorrent แตกต่างกับการดาวน์โหลดปกติอย่างไร
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการโหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย BitTorrent นั้น ไม่เหมือนกับการดาวน์โหลดไฟล์ทั่วไป เพราะมันคือการแบ่งปันกัน ไม่ใช่มาดูดเสร็จแล้วก็จากไป แต่ควรอยู่เพื่อช่วยกัน seed ไฟล์นั้นๆ เพื่อเพิ่มความเร็วให้วงดาวน์โหลด
ความเร็วในการดาวน์โหลดบนเครือข่าย BitTorrent ขึ้นอยู่้กับอะไร
ความเร็วในการโหลดบนเครือข่ายนี้ประกอบจากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณของ peer ในวงโหลดไฟล์นั้นๆ (โดยมี seeder เป็นตัวแปรสำคัญ ยิ่ง seeder มากเท่าไหร่ยิ่งดี) ปริมาณแบนด์วิธที่ peer แต่ละคนปล่อย ปริมาณไฟล์ที่ผู้ใช้กำลังโหลด ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยและตัวแปรที่ส่งผลถึงความเร็วในการดาวน์โหลดทั้งสิ้น
โหลดเสร็จแล้วปิดโปรแกรมเลยหรือไม่
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเครือข่าย BitTorrent คือการแบ่งปัน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณโหลดเสร็จแล้วก็ควรอยู่แบ่งไฟล์นั้นๆ ให้คนต่อๆ ไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรปิดโปรแกรมในทันทีที่โหลดเสร็จ และกด seed ต่อทุกครั้งที่เปิดโปรแกรมใหม่ จนคุณแน่ใจว่าควรแก่เหตุแล้ว ก็อาจจะหยุด seed ไฟล์นั้น เพื่อเปลี่ยนไป seed ไฟล์ใหม่ๆ บ้าง
ถ้าจะเล่น bit นะครับ ต้องทำให้เป็นปกติเลย ต่อเน็ตเมื่อไรก็เปิด BitComet และเริ่มงานทิ้งเอาไว้ เพราะการเพิ่มค่าอัพโหลด มันยากกว่าการดาวน์โหลดครับ
ศึกษาวิธีใช้โปรแกรม BitComet อย่างละเอียดได้ที่
http://www.pantip.com/tech/internet/topic/IU1891224/IU1891224.html
cradit: tepteptep
1 Comments:
At 7:58 AM, Unknown said…
ถ้าผมโหลดไฟล์หนังมาสักเรื่องหนึ่ง พอเสร็จแล้ว นานแค่ไหนถึงควรหยุด seed ครับ
แล้วถ้าผมโหลดมาแล้วเก็บไฟล์ลง แฟลตไดร์ หรือ copy ไว้ที่อื่นแล้ว ผมลบไฟล์ต้นที่โหลดมา อย่างนี้มันจะยัง seeding อยู่อีกรึป่าวครับ
Post a Comment
<< Home